สารบัญ
ฟุตบอลยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร คืออะไร
เปิดฤดูกาลแล้วสำหรับการแข่งชันฟุตบอลยูโร 2024 ฟุตบอลยูโร หรือ ฟุตบอลยุโรป ยูโรเปียน แชมเปียนชิพ (UEFA European Championship) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป จัดขึ้นทุกๆ 4 ปีโดยสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) โดยมีทีมชาติจากประเทศสมาชิกของ UEFA เข้าร่วมแข่งขัน
ฟุตบอลยูโรถือเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ดึงดูดแฟนบอลจากทั่วโลกมาร่วมชมการแข่งขัน นอกจากความสนุกสนานแล้ว ฟุตบอลยูโรยังเป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักฟุตบอล และความสามัคคีของประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป
เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตบอลยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2024
สำหรับปีนี้ เยอรมนีเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยูโร 2024 โดยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูฟ่าที่เมืองนียงในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561 ตุรกีเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่เสนอราคาเพื่อจัดการแข่งขันยูฟ่ายูโร 2024 เยอรมนีตะวันตกเป็นเจ้าภาพ ฉบับปี 1988 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เยอรมนีได้จัดการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปยูฟ่านับตั้งแต่การรวมประเทศ ฟุตบอลโลก 2006 ก็เกิดขึ้นในประเทศเช่นกัน
ทัวร์นาเมนต์รอบชิงชนะเลิศของยูฟ่ายูโร 2024 จะเริ่มในวันที่ 14 มิถุนายนและดำเนินไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 รอบแบ่งกลุ่มจะสิ้นสุดในวันที่ 26 มิถุนายน โดยรอบแพ้คัดออกจะเริ่มในวันที่ 29 มิถุนายน ในฐานะประเทศเจ้าภาพ เยอรมนีวางอยู่ในกลุ่ม A และครองตำแหน่ง A1; ดังนั้นพวกเขาจึงลงเล่นนัดเปิดสนาม – ชนะสกอตแลนด์ ที่สนามฟุตบอลมิวนิกในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน
สนามที่ใช้แข่ง ฟุตบอลยุโรป ปี 2024
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 จะจัดขึ้นในสนามกีฬาระดับโลก 10 แห่งในเยอรมนี ตั้งแต่สนามกีฬาโอลิมปิกเบอร์ลิน ไปจนถึงสนามโฟล์คสปาร์คสตาดิโอนในฮัมบวร์ก โปรแกรมการแข่งขัน และความจุของสนามกีฬาสำหรับสถานที่และเมืองทั้งหมด
โปรแกรมแข่งขัน ฟุตบอลยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2024
รอบแบ่งกลุ่ม 14 มิถุนายน – 28 มิถุนายน 2024
นัดชิงชนะเลิศ 14 กรกฎาคม 2024
รอบแบ่งกลุ่ม
- กลุ่ม A: เยอรมนี, อิตาลี, เบลเยียม, เดนมาร์ก
- กลุ่ม B: สเปน, เนเธอร์แลนด์, สกอตแลนด์, อาร์เมเนีย
- กลุ่ม C: อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ยูเครน, ลิทัวเนีย
- กลุ่ม D: โปรตุเกส, เซอร์เบีย, โครเอเชีย, ตุรกี
- กลุ่ม E: โปแลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, เช็กเกีย, มอลโดวา
- กลุ่ม F: ฮังการี, เบลารุส, บัลแกเรีย, ไอซ์แลนด์
- ทีมชาติ 24 ทีม แบ่งเป็น 6 สาย แข่งขันแบบพบกันหมด ทีมอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละสาย พร้อมด้วย 4 ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
- รอบ 16 ทีมสุดท้าย 29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2024
- ทีมที่ผ่านเข้ารอบ จะแข่งขันแบบแพ้คัดออก นัดเดียวตัดสิน
- รอบ 8 ทีมสุดท้าย 4 กรกฎาคม – 5 กรกฎาคม 2024
- ทีมที่ชนะในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะแข่งขันแบบแพ้คัดออก นัดเดียวตัดสิน
- รอบรองชนะเลิศ 9 กรกฎาคม – 10 กรกฎาคม 2024
- ทีมที่ชนะในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จะแข่งขันแบบแพ้คัดออก นัดเดียวตัดสิน
- นัดชิงชนะเลิศ 14 กรกฎาคม 2024
- ทีมที่ชนะในรอบรองชนะเลิศ จะแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ ทีมเดียวเท่านั้น
ไฮไลท์เด่นของแต่ละกลุ่มการแข่งขัน
- กลุ่ม A การต้อนรับทีมแชมป์โลกอย่างเยอรมนี และรองแชมป์เก่าอย่างอิตาลี
- กลุ่ม B การโคจรมาพบกันของเนเธอร์แลนด์และสเปน แชมป์ยูโร 3 สมัย
- กลุ่ม C การนำทัพของทีมป้องกันแชมป์อย่างอังกฤษ พร้อมคู่ปรับเก่าอย่างฝรั่งเศส
- กลุ่ม D การกลับมาของคริสเตียโน โรนัลโด ผู้ยิ่งใหญ่ ในทีมโปรตุเกส
- กลุ่ม E การประชันฝีเท้าของเลวานดอฟสกี้ ดาวยิงเบอร์ต้นๆ ของโลก ในทีมโปแลนด์
- กลุ่ม F การปะทะกันระหว่างฮังการี และเบลารุสที่รอการพิสูจน์ตน
เจาะวิเคราะห์ทีมเต็งในฟุตบอลยุโรป 2024
ฟุตบอลยูโร 2024 เริ่มต้นขึ้นแล้ว 12 ทีมจากทั่วทวีปยุโรปเตรียมพิสูจน์ความแข็งแกร่ง บนเส้นทางสู่แชมป์ยุโรปครั้งที่ 17 แต่ใครกันนะ? ที่มีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด มาวิเคราะห์ฟอร์ม ทีมเต็งแต่ละทีมกัน เพื่อเป็นแนวทางให้เพื่อนๆที่ชื่นชอบพนันฟุตบอลนำไปตัดสินใจก่อนลงเดิมพัน
Top 3 ทีมเต็งแชมป์
- อังกฤษ
แชมป์เก่าที่ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ทะลุเข้ารอบลึกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 2 ครั้งหลังสุด แถมยังมีผู้เล่นดาวรุ่งพรสวรรค์สูงเพียบ ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การนำของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นทีมเต็งอันดับ 1 ในสายตาหลายคน
- ฝรั่งเศส
แชมป์โลก 2018 เจ้าของนักเตะพรสวรรค์ทั่วทั้งสนาม นำโดย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ฝรั่งเศสมีทุกอย่างพร้อมสำหรับการคว้าแชมป์ยุโรป แต่หัวใจสำคัญคือ สปิริตของทีม และความสามารถในการสลัดความกดดัน
- เยอรมัน
ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาคว้าแชมป์เนชั่นส์ลีก 2020-21 และกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมีดาวรุ่งหลายคนก้าวขึ้นมา ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค พร้อมต่อกรกับทุกทีม
ทีมม้ามืดน่าจับตา
- เนเธอร์แลนด์
ภายใต้การนำของ หลุยส์ ฟาน กัล “อัศวินสีส้ม” กลับมาสู่แถวหน้าของยุโรป พวกเขามีผู้เล่นมากประสบการณ์ผสมผสานกับดาวรุ่งพรสวรรค์สูง การเล่นเกมรุกอันเฉียบคม ทำให้เนเธอร์แลนด์มีโอกาสเซอร์ไพรส์
- โปรตุเกส
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจล่วงเลยวัย แต่สุดยอดดาวเตะผู้นี้ยังคงสร้างความแตกต่างได้ ประกอบกับดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส โปรตุเกสมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการเข้าถึงรอบลึก
- อิตาลี
แชมป์ยูโร 2020 ไม่สามารถผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 ได้ พวกเขาจึงมองรายการนี้เป็นโอกาสสำหรับการแก้ตัว ด้วยประสบการณ์ และความเหนียวแน่น อิตาลีเป็นทีมที่ไม่ควรประมาท